คลังความรู้

Intent Keywords 4 ประเภท ที่เข้าใจสิ่งที่ลูกค้าอยากได้จากการค้นหา

Intent Keywords เข้าใจสิ่งที่ลูกค้า "อยากได้" จากการค้นหา
อย่าเก็บเรื่องดีๆ ไว้คนเดียว! แชร์เลย!: https://www.pantitacademy.com/v9p9

Loading

ในโลกออนไลน์ที่เต็มไปด้วยข้อมูลมหาศาล ทุกครั้งที่เราพิมพ์อะไรลงไปในช่องค้นหา ไม่ว่าจะเป็น Google, YouTube, หรือแม้แต่ในโซเชียลมีเดีย เรามักจะมีความตั้งใจบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลังเสมอครับ และนี่แหละคือหัวใจสำคัญของ “Intent Keywords” หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า “คีย์เวิร์ดที่บอกเจตนา”

ลองนึกภาพดูสิครับว่า การที่เราเข้าใจว่าคนที่กำลังค้นหาข้อมูลนั้นๆ “ต้องการอะไรจริงๆ” จะช่วยให้เราสร้างเนื้อหาที่ตรงใจและตอบโจทย์พวกเขาได้มากแค่ไหน นี่คือเหตุผลว่าทำไม Intent Keywords จึงสำคัญมากๆ สำหรับคนทำเว็บไซต์, นักการตลาด, หรือเจ้าของธุรกิจออนไลน์ครับ

Intent Keywords คืออะไร?

Intent Keywords คือคำหรือวลีที่เราใช้ค้นหา ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นถึง ความต้องการ, จุดประสงค์, หรือเป้าหมาย ที่แท้จริงของเราในตอนนั้นๆ ครับ

คอร์สเรียนเร่งด่วน 2 ช.ม. 450 บาท

"ปั้นแบรนด์ให้ดังด้วยข้อมูล Personalization & Data Storytelling"

ผู้เรียนเข้าใจหลักการ Personalization Marketing เรียนรู้เทคนิคการเล่าเรื่องด้วยข้อมูล (Data Storytelling) เพื่อสร้างแคมเปญที่น่าสนใจ สามารถระบุและใช้ข้อมูลเบื้องต้นเพื่อปรับแต่งการสื่อสาร

คลิกเลย!

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณกำลังหิว คุณอาจจะค้นหาว่า “ร้านอาหารไทยใกล้ฉัน” นี่คือคีย์เวิร์ดที่บอกเจตนาว่าคุณอยาก “กินข้าว” และอยากได้ร้านที่ “อยู่ใกล้ๆ” ทันที

Intent Keywords เข้าใจสิ่งที่ลูกค้า "อยากได้" จากการค้นหา

เจาะลึก 4 ประเภทของ Intent Keywords

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เรามาดูกันว่า Intent Keywords แบ่งออกเป็นกี่ประเภทหลักๆ และแต่ละประเภทบอกอะไรเราบ้าง:

  1. Informational Intent (อยากรู้ อยากหาข้อมูล):
    • เจตนา: คนค้นหาอยากได้ข้อมูลทั่วไป, ความรู้, หรือคำตอบสำหรับคำถามบางอย่าง
    • คีย์เวิร์ดตัวอย่าง:
      • “วิธีทำไข่เจียวฟู”
      • “ประโยชน์ของกาแฟ”
      • “ประวัติวันลอยกระทง”
      • “อาการแพ้อากาศ”
    • สิ่งที่เราควรทำ: สร้างเนื้อหาที่ให้ข้อมูลครบถ้วน, เข้าใจง่าย, น่าเชื่อถือ เช่น บทความ, คู่มือ, สรุปข้อมูล, หรือวิดีโออธิบาย
  2. Navigational Intent (อยากไปที่นั่น, อยากเจอสิ่งนี้):
    • เจตนา: คนค้นหาต้องการเข้าไปยังเว็บไซต์, แบรนด์, หรือหน้าเพจที่เจาะจงอยู่แล้ว
    • คีย์เวิร์ดตัวอย่าง:
      • “เข้าสู่ระบบ Facebook”
      • “เว็บ Shopee”
      • “YouTube ช่อง Gooddayofficial”
      • “เบอร์โทรศัพท์ธนาคารกรุงเทพ”
    • สิ่งที่เราควรทำ: ทำให้เว็บไซต์หรือข้อมูลของเราค้นหาเจอได้ง่ายเมื่อคนพิมพ์ชื่อตรงๆ และแน่ใจว่าลิงก์พาไปถูกที่
  3. Commercial Investigation Intent (กำลังดูๆ อยู่ กำลังตัดสินใจ):
    • เจตนา: คนค้นหากำลังอยู่ในช่วงพิจารณาเปรียบเทียบสินค้าหรือบริการต่างๆ ก่อนจะตัดสินใจซื้อ พวกเขากำลังมองหาข้อมูลเพื่อช่วยในการตัดสินใจ
    • คีย์เวิร์ดตัวอย่าง:
      • “รีวิว iPhone 15 ดีไหม”
      • “เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S24 กับ Google Pixel 8”
      • “ราคาแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตบ้าน AIS”
      • “กล้อง Mirrorless ยี่ห้อไหนดี”
    • สิ่งที่เราควรทำ: สร้างเนื้อหาที่ให้ข้อมูลเปรียบเทียบ, รีวิวสินค้า, แนะนำสินค้า/บริการ, หรือบอกข้อดีข้อเสียอย่างตรงไปตรงมา
  4. Transactional Intent (พร้อมซื้อ พร้อมทำธุรกรรม!):
    • เจตนา: คนค้นหาพร้อมที่จะลงมือทำบางอย่างทันที ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้า, สมัครบริการ, หรือจองอะไรบางอย่าง
    • คีย์เวิร์ดตัวอย่าง:
      • “ซื้อเสื้อยืด Nike ราคาถูก”
      • “จองตั๋วเครื่องบินไปเชียงใหม่”
      • “สมัคร Netflix รายเดือน”
      • “ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันแต่งรูปฟรี”
    • สิ่งที่เราควรทำ: สร้างหน้าสินค้าหรือบริการที่ชัดเจน, มีปุ่มซื้อ/สมัครที่เห็นง่าย, มีขั้นตอนการสั่งซื้อที่สะดวกสบาย และให้ข้อมูลที่จำเป็นครบถ้วนเพื่อตัดสินใจซื้อ

ทำไม Intent Keywords ถึงสำคัญต่อคนทำเว็บไซต์และธุรกิจออนไลน์?

การเข้าใจ Intent Keywords ไม่ใช่แค่เรื่องของการทำ SEO (Search Engine Optimization) ให้เว็บไซต์ติดอันดับดีๆ เท่านั้น แต่มันคือหัวใจของการทำ การตลาดออนไลน์ ให้ได้ผลจริงๆ ครับ:

  • เว็บไซต์ติดอันดับดีขึ้น: เมื่อเนื้อหาของเราตอบโจทย์เจตนาของคนค้นหาได้ตรงเป๊ะ Google ก็จะมองว่าเนื้อหาของเรามีประโยชน์และเกี่ยวข้องมากที่สุด ทำให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับสูงขึ้น
  • ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น (Conversion เพิ่มขึ้น): ถ้าคนค้นหาต้องการซื้อของ แล้วเราเสนอข้อมูลที่ช่วยให้เขาตัดสินใจได้ทันที โอกาสที่เขาจะกดซื้อก็จะสูงขึ้นมากครับ
  • คนเข้าเว็บไม่เด้งออกเร็ว (Bounce Rate ลดลง): ถ้าเนื้อหาไม่ตรงกับที่คนค้นหาต้องการ พวกเขาก็จะปิดหน้าเว็บหนีทันที การรู้ Intent จะช่วยให้เราส่งเนื้อหาที่ตรงใจ ทำให้คนอยู่นานขึ้น
  • ลูกค้าประทับใจ: การที่เรานำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้อย่างแม่นยำ จะสร้างความประทับใจและความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจของเราครับ
  • วางแผนการตลาดได้ถูกจุด: เมื่อเรารู้ว่าลูกค้ามีเจตนาแบบไหน เราก็สามารถวางแผนสร้างเนื้อหาที่หลากหลาย ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม ตั้งแต่คนที่แค่ “อยากรู้” ไปจนถึงคนที่ “พร้อมซื้อ”

จะรู้ได้ยังไงว่าคีย์เวิร์ดไหนมี Intent แบบไหน?

ไม่ต้องกังวลครับ มีวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้เราเข้าใจ Intent ของคีย์เวิร์ดได้:

  1. ใช้เครื่องมือช่วยหาคีย์เวิร์ด: ลองใช้เครื่องมืออย่าง Google Keyword Planner (ฟรี), Ahrefs, SEMrush, หรือ Ubersuggest เพื่อค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องและดูข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการค้นหา
  2. ลองค้นหาใน Google เอง: พิมพ์คีย์เวิร์ดที่คุณสนใจลงไปใน Google แล้วดูว่าผลลัพธ์ที่ขึ้นมาเป็นเนื้อหาประเภทไหน เช่น ถ้าขึ้นมาเป็นบทความข้อมูลเยอะๆ ก็อาจจะเป็น Informational Intent แต่ถ้าขึ้นมาเป็นหน้าร้านค้าก็อาจจะเป็น Transactional Intent
  3. คิดแบบลูกค้า: ลองสมมติว่าคุณเป็นลูกค้าเอง แล้วคุณกำลังมองหาอะไรอยู่ คุณจะพิมพ์คีย์เวิร์ดอะไร? แล้วคุณอยากเห็นอะไรจากผลการค้นหานั้น?
  4. ดูคู่แข่ง: ลองดูว่าคู่แข่งของคุณใช้คีย์เวิร์ดอะไรบ้าง และสร้างเนื้อหาแบบไหน เพื่อนำมาปรับปรุงกลยุทธ์ของเรา

สรุป

การทำความเข้าใจคีย์เวิร์ดเจตนา คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จในโลกออนไลน์ได้ง่ายขึ้นมากครับ เพราะมันช่วยให้เราไม่เพียงแค่ “เข้าถึง” ลูกค้าได้ แต่ยังช่วยให้เรา “เข้าใจ” สิ่งที่ลูกค้าต้องการอย่างแท้จริง และเมื่อเราเข้าใจ เราก็จะสามารถมอบสิ่งที่ใช่ให้กับพวกเขาได้ในที่สุดครับ

อย่าเก็บเรื่องดีๆ ไว้คนเดียว! แชร์เลย!: https://www.pantitacademy.com/v9p9
ที่ปรึกษาด้านการตลาดดิจิทัลที่มีประสบการณ์กว่า 25 ปี ให้กับองค์กรภาคเอกชน อดีตบรรณาธิการนิตยสาร E-Commerce นิตยสารด้านการค้าออนไลน์ฉบับแรกของประเทศไทย นักจัดรายการวิทยุด้านไอที วิทยากรและอาจารย์พิเศษด้านอีคอมเมิรซ์และการตลาดดิจิทัล