ทำไมเว็บไม่ติด Google? คำถามนี้เป็นคำถามที่พบบ่อยที่สุดและเป็น Pain Point หลักของเจ้าของเว็บไซต์หลาย ๆ ท่านเลยครับ มีหลายปัจจัยที่ทำให้เว็บไซต์ไม่ติด Google (หรือติดแต่ไม่อันดับดี) ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มหลัก ๆ ได้ดังนี้
1. ปัญหาทางเทคนิค (Technical SEO Issues):
- Google ไม่สามารถ Crawl หรือ Index เว็บไซต์ได้:
- ไฟล์ robots.txt บล็อกบอท: คุณอาจตั้งค่าไฟล์
robots.txt
ผิดพลาด ทำให้ Googlebot เข้ามาเก็บข้อมูลในเว็บไซต์ไม่ได้ - Noindex Tag: หน้าเว็บของคุณอาจมี Meta Tag
noindex
ที่บอก Google ไม่ให้จัดทำดัชนี (index) หน้านั้น ๆ - ไฟล์ Sitemap.xml ไม่มี/ไม่ถูกต้อง: Sitemap ช่วยให้ Google ค้นพบหน้าเว็บทั้งหมดของคุณ หากไม่มีหรือมีปัญหา อาจทำให้ Google ค้นพบหน้าเว็บได้ไม่ครบถ้วน
- เว็บไซต์มีปัญหาด้านความเร็ว (Site Speed): เว็บไซต์ที่โหลดช้ามาก ๆ อาจทำให้ Googlebot ใช้เวลาในการ Crawl น้อยลง หรือผู้ใช้งานกดออกไปก่อน ทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์มีคุณภาพต่ำ
- เว็บไซต์มีปัญหาในการเข้าถึง (Accessibility): เช่น โครงสร้างเว็บไซต์ที่ซับซ้อนเกินไป, มี Internal Link ที่เสีย, หรือใช้เทคโนโลยีที่ Googlebot เข้าถึงไม่ได้ง่าย
- ไฟล์ robots.txt บล็อกบอท: คุณอาจตั้งค่าไฟล์
- ปัญหาโครงสร้างเว็บไซต์:
- โครงสร้าง URL ไม่ดี: URL ที่ไม่สื่อความหมายหรือซับซ้อนเกินไป อาจส่งผลต่อการเข้าใจของ Google
- Internal Linking ไม่ดี: การเชื่อมโยงลิงก์ภายในเว็บไซต์ที่ไม่เป็นระบบ ทำให้ Googlebot อาจไม่สามารถค้นพบหน้าสำคัญ ๆ ได้
- Canonical Tag ผิดพลาด: หากคุณมีเนื้อหาซ้ำซ้อนและตั้งค่า Canonical Tag ไม่ถูกต้อง Google อาจไม่รู้ว่าหน้าไหนคือหน้าหลักที่ต้องการให้จัดทำดัชนี
2. ปัญหาด้านเนื้อหา (Content Issues):
- เนื้อหาไม่มีคุณภาพ/ไม่เกี่ยวข้อง:
- เนื้อหาซ้ำซ้อน (Duplicate Content): หากเนื้อหาของคุณซ้ำกับเว็บไซต์อื่น ๆ หรือซ้ำกันภายในเว็บไซต์เอง Google อาจจะเลือกแสดงเพียงเวอร์ชันเดียว
- เนื้อหาน้อยเกินไป (Thin Content): หน้าเว็บที่มีเนื้อหาน้อยมาก ๆ ไม่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ อาจถูกมองว่าไม่มีคุณภาพ
- เนื้อหาไม่ตอบโจทย์ Keyword/Search Intent: คุณอาจมีเนื้อหา แต่เนื้อหานั้นไม่ตอบคำถามหรือความต้องการของผู้ค้นหาที่ใช้ Keyword นั้น ๆ
- ไม่มีเนื้อหาที่ใช้ Keyword เป้าหมาย: คุณอาจไม่ได้สร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ Keyword ที่กลุ่มเป้าหมายของคุณค้นหาเลย
- Keyword Stuffing: การยัด Keyword มากเกินไปในเนื้อหา ทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติและ Google อาจมองว่าเป็นสแปม
3. ปัญหาด้าน Authority และ Backlinks:
- ไม่มี Backlinks หรือมี Backlinks คุณภาพต่ำ:
- Backlinks คือการโหวตจากเว็บไซต์อื่น: ยิ่งมีเว็บไซต์คุณภาพดีลิงก์กลับมาหาคุณมากเท่าไหร่ Google ยิ่งมองว่าเว็บไซต์ของคุณน่าเชื่อถือและมี Authority มากเท่านั้น
- Backlinks คุณภาพต่ำ/เป็นสแปม: หากคุณได้ Backlinks จากเว็บไซต์ที่ไม่มีคุณภาพ หรือมีพฤติกรรมการสร้างลิงก์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ (Black Hat SEO) อาจส่งผลเสียต่ออันดับของคุณ
- เว็บไซต์ใหม่/ไม่มี Authority: เว็บไซต์ที่เพิ่งเปิดใหม่ยังไม่มีประวัติหรือความน่าเชื่อถือในสายตา Google ต้องใช้เวลาในการสร้าง Authority ผ่านเนื้อหาคุณภาพและ Backlinks
4. ปัจจัยอื่นๆ:
- การแข่งขันสูง: Keyword ที่คุณต้องการติดอันดับอาจมีการแข่งขันสูงมาก ทำให้ยากที่จะแซงคู่แข่งรายใหญ่ ๆ ที่ทำ SEO มานาน
- ไม่เข้าใจ User Experience (UX): แม้จะติดอันดับแล้ว แต่ถ้าผู้ใช้งานเข้ามาแล้วเจอประสบการณ์ที่ไม่ดี (เช่น ใช้งานยาก, ไม่สวยงาม, หาข้อมูลไม่เจอ) ก็อาจกลับไปหน้า Google ทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของคุณไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน
- ไม่เคยทำ SEO เลย: หากคุณไม่เคยทำ SEO เลย การที่เว็บไซต์จะไม่ติดอันดับ Google ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะ Google ไม่รู้ว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวกับอะไร มีประโยชน์อย่างไร
- Google Penalty: เว็บไซต์ของคุณอาจเคยทำผิดกฎของ Google (เช่น ใช้เทคนิค Black Hat SEO) ทำให้โดนลงโทษและถูกถอดออกจากผลการค้นหา
วิธีการตรวจสอบเบื้องต้น:
- Google Search Console: เครื่องมือฟรีจาก Google ที่จะช่วยให้คุณเห็นว่า Googlebot สามารถ Crawl และ Index เว็บไซต์ของคุณได้หรือไม่ มีปัญหาทางเทคนิคอะไรบ้าง
- ตรวจสอบไฟล์ robots.txt และ Meta Noindex: เช็คให้แน่ใจว่าไม่ได้บล็อก Googlebot
- ตรวจสอบความเร็วเว็บไซต์: ใช้เครื่องมือเช่น Google PageSpeed Insights
- วิเคราะห์คู่แข่ง: ดูว่าคู่แข่งที่ติดอันดับเขามีอะไรดีกว่าคุณบ้าง ทั้งในด้านเนื้อหาและ Backlinks
การทำ SEO เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องใช้เวลา หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ SEO เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดครับ