View Categories

Keywords สำคัญแค่ไหน เลือกยังไงให้ถูกต้อง?

2 min read

Keywords (คีย์เวิร์ด) สำคัญมากครับ! สำคัญถึงขนาดที่ว่าหากไม่มี Keywords ที่ถูกต้อง การทำ SEO ทั้งหมดของคุณก็อาจจะไม่เกิดประโยชน์เลยทีเดียวครับ

ทำไม Keywords ถึงสำคัญ?

  1. เป็นสะพานเชื่อมระหว่างคุณกับผู้ค้นหา: Keywords คือคำหรือวลีที่ผู้คนใช้พิมพ์ลงในช่องค้นหาของ Google (หรือ Search Engine อื่น ๆ) หากเว็บไซต์ของคุณไม่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ Keywords ที่กลุ่มเป้าหมายของคุณใช้ ก็เหมือนกับว่าคุณมีร้านค้าที่ดีแต่ไม่มีป้ายบอกว่าคุณขายอะไร ลูกค้าก็หาคุณไม่เจอ
  2. บอก Google ว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวกับอะไร: เมื่อ Googlebot เข้ามา Crawl เว็บไซต์ของคุณ Keywords ที่คุณใช้ในเนื้อหา, หัวข้อ, และ Meta Tags จะช่วยให้ Google เข้าใจว่าหน้าเว็บนั้น ๆ มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร และควรแสดงผลเมื่อมีคนค้นหาด้วย Keyword ใด
  3. กำหนดกลุ่มเป้าหมายของคุณ: การเลือก Keywords ที่ถูกต้อง จะช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการตรงกับสิ่งที่คุณนำเสนอมากที่สุด ซึ่งนำไปสู่การเพิ่ม Traffic ที่มีคุณภาพและเพิ่มโอกาสในการสร้าง Conversion
  4. ช่วยในการวางแผนเนื้อหา: การทำ Keyword Research เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้าง Content Marketing ที่มีประสิทธิภาพ เพราะคุณจะรู้ว่าผู้คนกำลังค้นหาอะไร และควรสร้างเนื้อหาแบบไหนเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านั้น

แล้วจะเลือก Keywords ยังไงให้ถูกต้อง?

การเลือก Keyword ที่ถูกต้องต้องพิจารณาหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่จำนวนการค้นหาที่สูงเท่านั้นครับ นี่คือขั้นตอนและสิ่งที่ต้องพิจารณา:

1. เข้าใจธุรกิจและกลุ่มเป้าหมายของคุณอย่างลึกซึ้ง

  • คุณคือใคร? คุณทำอะไร? คุณขายอะไร? ระบุสินค้า/บริการหลักของคุณ
  • ลูกค้าของคุณคือใคร? พวกเขาใช้ภาษาแบบไหน? พวกเขามีปัญหาอะไรที่คุณช่วยแก้ได้? พวกเขาจะใช้คำว่าอะไรในการค้นหาสิ่งที่คุณมี?
  • เป้าหมายของหน้าเว็บนี้คืออะไร? ต้องการให้คนซื้อของ, สมัครสมาชิก, ดาวน์โหลด, หรือแค่เข้ามาอ่านข้อมูล?

2. เริ่มต้นด้วยการระดมสมอง (Brainstorming) Keywords เบื้องต้น

  • คิดจากมุมมองของลูกค้า: ถ้าคุณเป็นลูกค้า คุณจะพิมพ์อะไรลงไปใน Google เพื่อหาสิ่งที่คุณมี?
  • Keywords ทั่วไป (Short-tail keywords): เช่น “รองเท้า”, “โรงแรมกรุงเทพ” (การแข่งขันสูงมาก)
  • Keywords ที่เจาะจงมากขึ้น (Long-tail keywords): เช่น “รองเท้าวิ่งผู้หญิง ยี่ห้อไหนดี”, “โรงแรมกรุงเทพติดรถไฟฟ้า มีสระว่ายน้ำ” (การแข่งขันน้อยลง, Search Intent ชัดเจนขึ้น, Conversion Rate สูงขึ้น)

3. ใช้เครื่องมือ Keyword Research Tools

  • Google Keyword Planner (ฟรี): ต้องใช้ร่วมกับ Google Ads ช่วยให้คุณค้นหาไอเดีย Keyword, ดูปริมาณการค้นหา (Search Volume), และระดับการแข่งขัน
  • Google Search (Suggest & Related Searches): พิมพ์ Keyword ลงใน Google แล้วดูคำแนะนำอัตโนมัติ (Google Suggest) และ “การค้นหาที่เกี่ยวข้อง” (Related Searches) ด้านล่างสุดของหน้าผลลัพธ์
  • AnswerThePublic (ฟรีบางส่วน): ช่วยให้เห็นคำถามที่ผู้คนถามเกี่ยวกับ Keyword นั้น ๆ
  • Ubersuggest (ฟรีบางส่วน): ให้ข้อมูล Keyword ideas, Content ideas, และปริมาณการค้นหา
  • เครื่องมือแบบเสียเงิน (สำหรับมืออาชีพ): Ahrefs, SEMrush, Moz Keyword Explorer ให้ข้อมูลเชิงลึกที่ละเอียดกว่า

4. วิเคราะห์ Keyword แต่ละตัวจาก 3 ปัจจัยหลัก:

  • ปริมาณการค้นหา (Search Volume):
    • สูง: มีคนค้นหาเยอะ มีโอกาสได้ Traffic เยอะ แต่การแข่งขันก็สูงตามไปด้วย (เหมาะสำหรับ Keywords ทั่วไป)
    • ปานกลาง-ต่ำ: คนค้นหาน้อยกว่า แต่การแข่งขันต่ำกว่า และอาจมี Search Intent ที่ชัดเจนกว่า (เหมาะสำหรับ Long-tail keywords)
    • คำแนะนำ: อย่าเพิ่งเน้นแต่ Keyword ที่มี Search Volume สูง ๆ สำหรับเว็บไซต์ใหม่ ลองเริ่มต้นจาก Long-tail Keywords ที่มี Search Volume ปานกลาง แต่มีโอกาสติดอันดับง่ายกว่า
  • ความตั้งใจในการค้นหา (Search Intent):
    • สำคัญที่สุด! ต้องเข้าใจว่าผู้ค้นหาต้องการอะไรเมื่อพิมพ์ Keyword นั้น ๆ
    • Informational Intent: ต้องการข้อมูล (เช่น “SEO คืออะไร”, “วิธีการปลูกกล้วยไม้”)
    • Navigational Intent: ต้องการไปยังเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่งโดยเฉพาะ (เช่น “Facebook login”, “Lazada”)
    • Commercial Investigation Intent: ต้องการเปรียบเทียบหรือวิจัยก่อนซื้อ (เช่น “รีวิว iPhone 15”, “เปรียบเทียบเครื่องฟอกอากาศ”)
    • Transactional Intent: ต้องการทำธุรกรรม/ซื้อสินค้า (เช่น “ซื้อ iPhone 15”, “จองตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่น”)
    • คำแนะนำ: เลือก Keyword ที่มี Search Intent ตรงกับเนื้อหาหรือเป้าหมายของหน้าเว็บนั้น ๆ หากคุณขายสินค้า ควรเน้น Keyword ที่มี Commercial หรือ Transactional Intent
  • ระดับการแข่งขัน (Keyword Difficulty / Competition):
    • สูง: ยากที่จะติดอันดับ โดยเฉพาะสำหรับเว็บไซต์ใหม่ที่ไม่มี Authority สูง
    • ปานกลาง-ต่ำ: มีโอกาสติดอันดับได้ง่ายกว่า
    • คำแนะนำ: สำหรับเว็บไซต์ใหม่หรือธุรกิจขนาดเล็ก ควรเริ่มต้นด้วย Keyword ที่มีการแข่งขันต่ำถึงปานกลาง (Low to Medium Competition) และมี Search Volume พอสมควร เพื่อสร้าง Traction และ Authority ก่อนจะไปแข่งขันกับ Keyword ยาก ๆ

5. จัดกลุ่ม Keywords (Keyword Grouping)

  • หลังจากได้รายชื่อ Keywords แล้ว ให้จัดกลุ่ม Keywords ที่มีความหมายใกล้เคียงกัน หรือมีความตั้งใจในการค้นหาที่คล้ายกัน มาอยู่รวมกัน
  • หนึ่งหน้าเว็บควรโฟกัสที่ Keyword หลักหนึ่งตัว และมี Keyword รองหรือ Keyword ที่เกี่ยวข้องสนับสนุน
  • เช่น: หน้าที่พูดถึง “รองเท้าวิ่ง” อาจมี Keyword หลักคือ “รองเท้าวิ่ง” และ Keyword รอง/เกี่ยวข้อง เช่น “รองเท้าวิ่งผู้ชาย”, “รองเท้าวิ่งยี่ห้อไหนดี”, “เลือกรองเท้าวิ่ง”, “รีวิวรองเท้าวิ่ง”

6. วางแผนการใช้ Keywords ในเนื้อหาและโครงสร้างเว็บไซต์

  • เมื่อได้ Keywords ที่เลือกแล้ว ให้นำไปใช้ในส่วนสำคัญของหน้าเว็บ เช่น Title Tag, Meta Description, URL, Header Tags (H1, H2), เนื้อหาหลัก, รูปภาพ (Alt Text) และ Internal Links
  • สำคัญ: เขียนเนื้อหาให้เป็นธรรมชาติ ไม่ยัด Keyword (Keyword Stuffing) เน้นคุณภาพและประโยชน์สำหรับผู้อ่านเป็นหลัก

การทำ Keyword Research เป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องและปรับปรุงอยู่เสมอ ยิ่งคุณเข้าใจกลุ่มเป้าหมายและ Keyword ที่พวกเขาใช้มากเท่าไหร่ โอกาสที่เว็บไซต์ของคุณจะประสบความสำเร็จใน Google ก็จะสูงขึ้นมากเท่านั้นครับ!

Powered by BetterDocs