คลังความรู้

9 วิธีป้องกัน WordPress จากการโดนแฮก เตรียมไว้ก่อนดีกว่าแก้ทีหลัง

ป้องกัน WordPress

Loading

เรียนรู้วิธีป้องกัน WordPress ของคุณจากการโดนแฮก การตั้งค่าความปลอดภัย อัปเดต และปลั๊กอินสำคัญเพื่อความปลอดภัยสูงสุด

ในยุคดิจิทัลที่ทุกสิ่งเชื่อมโยงกัน การมีเว็บไซต์ WordPress ที่ปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การโจมตีทางไซเบอร์เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และการถูกแฮกไม่เพียงสร้างความเสียหายต่อข้อมูล แต่ยังส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของธุรกิจคุณ บทความนี้จะนำเสนอ วิธีป้องกัน WordPress จากการโดนแฮก อย่างครอบคลุม เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณปลอดภัยจากภัยคุกคามต่างๆ

ทำไมเว็บไซต์ WordPress ของคุณถึงเสี่ยงต่อการโดนแฮก?

WordPress เป็น CMS (Content Management System) ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ทำให้เป็นเป้าหมายหลักของแฮกเกอร์ เนื่องจากมีผู้ใช้งานจำนวนมาก และช่องโหว่เพียงเล็กน้อยก็สามารถถูกนำไปใช้ประโยชน์ในวงกว้างได้ สาเหตุหลักที่ทำให้ WordPress เสี่ยงต่อการโจมตี ได้แก่:

  • ปลั๊กอินและธีมที่ไม่ได้อัปเดต: ปลั๊กอินและธีมที่ล้าสมัยมักมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่แฮกเกอร์สามารถใช้เจาะระบบได้
  • รหัสผ่านที่อ่อนแอ: การใช้รหัสผ่านที่เดาง่ายเป็นประตูเปิดให้แฮกเกอร์เข้าสู่ระบบได้อย่างง่ายดาย
  • การตั้งค่าความปลอดภัยที่ไม่รัดกุม: การละเลยการตั้งค่าพื้นฐานบางอย่างอาจทำให้เว็บไซต์ของคุณตกอยู่ในความเสี่ยง

วิธีป้องกัน WordPress จากการโดนแฮก มาตรการสำคัญที่ต้องทำ

การ ป้องกันเวิร์ดเพรสต้องอาศัยการดำเนินการหลายด้านร่วมกัน ตั้งแต่การดูแลระบบขั้นพื้นฐานไปจนถึงการใช้เครื่องมือและเทคนิคขั้นสูง

ป้องกัน WordPress

1. อัปเดตอยู่เสมอกุญแจสำคัญสู่ความปลอดภัยของ WordPress

  • WordPress Core: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณใช้ WordPress เวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ การอัปเดตแต่ละครั้งมักมาพร้อมกับการแก้ไขข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยที่สำคัญ
  • ธีมและปลั๊กอิน: อัปเดตธีมและปลั๊กอินทั้งหมดที่คุณใช้เป็นประจำ ปลั๊กอินและธีมที่ล้าสมัยคือช่องโหว่ที่พบบ่อยที่สุด
  • ลบสิ่งที่ไม่จำเป็น: ลบธีมและปลั๊กอินที่คุณไม่ได้ใช้งานออกจากเว็บไซต์ เพื่อลดความเสี่ยง

2. สร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่งและปลอดภัย

  • ใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อน: ผสมผสานตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์ หลีกเลี่ยงข้อมูลส่วนตัว
  • ไม่ใช้รหัสผ่านซ้ำ: อย่าใช้รหัสผ่านเดียวกันกับเว็บไซต์อื่น ๆ
  • เปลี่ยนรหัสผ่านบ่อยๆ: โดยเฉพาะรหัสผ่านสำหรับผู้ดูแลระบบ (admin)

3. การตั้งค่าผู้ใช้และการจำกัดสิทธิ์

การจัดการผู้ใช้เป็นส่วนสำคัญในการป้องกันเวิร์ดเพรสจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

  • เปลี่ยนชื่อผู้ใช้เริ่มต้น (admin): หากคุณยังใช้ “admin” เป็นชื่อผู้ใช้ ให้เปลี่ยนเป็นชื่ออื่นทันที
  • จำกัดสิทธิ์ผู้ใช้: ให้สิทธิ์ผู้ใช้แต่ละคนเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เช่น สิทธิ์ผู้เขียนหรือบรรณาธิการ ไม่ใช่ผู้ดูแลระบบ
  • ลบผู้ใช้ที่ไม่ใช้งาน: ผู้ใช้ที่ไม่ได้ใช้งานคือช่องทางที่อาจถูกใช้เป็นจุดอ่อน

4. รักษาความปลอดภัยฐานข้อมูล WordPress ของคุณ

ฐานข้อมูลคือหัวใจของเว็บไซต์คุณ การป้องกันฐานข้อมูลจึงเป็นสิ่งสำคัญ:

  • เปลี่ยน Prefix ของตารางฐานข้อมูล: เปลี่ยนจาก wp_ เป็นอย่างอื่น เพื่อลดความเสี่ยงจากการโจมตีแบบ SQL Injection
  • สำรองข้อมูลเป็นประจำ: สำรองข้อมูลเว็บไซต์และฐานข้อมูลของคุณอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และเก็บไว้ในหลายที่

5. ติดตั้งปลั๊กอินรักษาความปลอดภัย WordPress ที่เชื่อถือได้

ปลั๊กอินรักษาความปลอดภัยเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการ ป้องกัน WordPress

  • Wordfence Security: มีคุณสมบัติ Firewall, สแกนหามัลแวร์, และการป้องกัน Brute Force
  • Sucuri Security: ให้การสแกน, Firewall, และการกู้คืนเว็บไซต์
  • iThemes Security Pro: มีฟังก์ชันมากมาย เช่น การซ่อนหน้า Login และการบังคับใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่ง

6. ป้องกันการโจมตีแบบ Brute Force

  • การโจมตีแบบ Brute Force คือการที่แฮกเกอร์พยายามเดารหัสผ่านซ้ำๆ คุณสามารถป้องกันได้โดย
    • จำกัดการพยายามเข้าสู่ระบบ: กำหนดให้ระบบล็อกผู้ใช้ชั่วคราวหลังจากการพยายามเข้าสู่ระบบผิดพลาดหลายครั้ง
    • ใช้ Two-Factor Authentication (2FA): กำหนดให้ผู้ใช้ต้องยืนยันตัวตนด้วยรหัสผ่านและรหัส OTP จากมือถือ

7. ใช้ SSL/HTTPS เพื่อการเข้ารหัสข้อมูล

การติดตั้งใบรับรอง SSL เพื่อใช้ HTTPS ไม่เพียงช่วยเข้ารหัสการเชื่อมต่อระหว่างเว็บไซต์กับผู้ใช้ แต่ยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและส่งผลดีต่อ SEO อีกด้วย

8. การตั้งค่าไฟล์และโฟลเดอร์เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

  • ตั้งค่าสิทธิ์ไฟล์และโฟลเดอร์ให้ถูกต้อง: โดยทั่วไปคือ 755 สำหรับโฟลเดอร์ และ 644 สำหรับไฟล์
  • ป้องกันการแก้ไขไฟล์จากหลังบ้าน: เพิ่ม define('DISALLOW_FILE_EDIT', true); ลงในไฟล์ wp-config.php

9. เฝ้าระวังและตรวจสอบกิจกรรมที่น่าสงสัย

  • ตรวจสอบบันทึก (Logs): ตรวจสอบบันทึกของเซิร์ฟเวอร์และ WordPress เป็นประจำเพื่อหาสิ่งผิดปกติ
  • ใช้เครื่องมือสแกนความปลอดภัย: สแกนเว็บไซต์ของคุณเป็นประจำเพื่อตรวจหาช่องโหว่หรือมัลแวร์

สรุป

การ ป้องกัน WordPress จากการโดนแฮก ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนหากคุณทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องและทำอย่างสม่ำเสมอ การลงทุนในเวลาและความพยายามในการดูแลรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ของคุณวันนี้ จะช่วยประหยัดเวลา ทรัพย์สิน และความเสียหายในอนาคตได้อย่างมหาศาล จงหมั่นอัปเดต ตรวจสอบ และใช้มาตรการป้องกันที่เหมาะสม เพื่อให้เว็บไซต์ WordPress ของคุณยังคงเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับคุณและผู้เข้าชมของคุณ

ที่ปรึกษาด้านการตลาดดิจิทัลที่มีประสบการณ์กว่า 25 ปี ให้กับองค์กรภาคเอกชน อดีตบรรณาธิการนิตยสาร E-Commerce นิตยสารด้านการค้าออนไลน์ฉบับแรกของประเทศไทย นักจัดรายการวิทยุด้านไอที วิทยากรและอาจารย์พิเศษด้านอีคอมเมิรซ์และการตลาดดิจิทัล