รีวิว 7 ปลั๊กอิน Page Builder สำหรับ WordPress! เรียนรู้การสร้างเว็บไซต์สวยๆ ด้วย Elementor, Divi, Beaver Builder, Oxygen, Gutenberg และ Brizy แบบลากและวาง ไม่ต้องเขียนโค้ด พร้อมคู่มือเลือก Page Builder ที่ใช่สำหรับคุณ
ใช้ WordPress แล้วรู้สึกว่าการจัดวางหน้าตาเว็บไซต์มันช่างช่างยุ่งยากเสียจริง? ถ้าคำตอบคือ “ใช่” บทความนี้คือคำตอบของคุณ! เพราะเราจะพาคุณไปรู้จักกับ ปลั๊กอิน Page Builder สำหรับ WordPress เครื่องมือมหัศจรรย์ที่จะเปลี่ยนเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย และทำให้คุณสนุกกับการ สร้างเว็บไซต์ WordPress ได้เหมือนมืออาชีพ โดยไม่ต้องแตะโค้ดแม้แต่บรรทัดเดียว
Page Builder คืออะไร? ปลดล็อกพลังแห่งการสร้างสรรค์
ลองจินตนาการว่าคุณกำลังสร้างบ้านในฝัน แทนที่จะต้องก่ออิฐทีละก้อน ผสมปูนเอง และวาดแปลนด้วยมือรีวิวปลั๊กอิน Page Builder สร้างเว็บสวยโดยไม่ต้องเขียนโค้ดก็เปรียบเสมือนชุดเครื่องมือวิเศษ ที่มีบล็อกสำเร็จรูป (Widgets หรือ Blocks) ให้คุณเลือกใช้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นบล็อกข้อความ รูปภาพ วิดีโอ ปุ่ม ฟอร์ม หรือแม้แต่แกลเลอรีรูปภาพ คุณแค่ “ลากและวาง” (Drag and Drop) บล็อกเหล่านี้ไปในตำแหน่งที่ต้องการบนหน้าจอ ปรับแต่งขนาด สี ฟอนต์ หรือเคลื่อนย้ายตำแหน่งได้ตามใจชอบ และที่สำคัญคือ คุณจะเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดได้ทันทีแบบเรียลไทม์ (Live Editing) ไม่ต้องเดา ไม่ต้องรอลุ้น!
ปลั๊กอิน Page Builder เข้ามาเติมเต็มช่องว่างของ WordPress Editor แบบเดิมๆ ให้คุณมีอิสระในการออกแบบ Layout ที่ซับซ้อนและสวยงามได้อย่างไร้ขีดจำกัด
ทำไมต้องใช้ Page Builder?
การตัดสินใจใช้ปลั๊กอิน Page Builder ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือการยกระดับประสบการณ์การสร้างเว็บไซต์ของคุณไปอีกขั้น ด้วยเหตุผลเหล่านี้:
- ง่ายกว่าที่คิด
- ไม่ต้องกังวลเรื่องโค้ด HTML, CSS หรือ PHP อีกต่อไป แค่ลาก วาง คลิก ปรับแต่ง คุณก็จะได้เว็บไซต์ที่สวยงามตามจินตนาการ
- ประหยัดเวลาอย่างมหาศาล
- จากที่เคยใช้เวลาหลายชั่วโมงในการจัด Layout หรือแก้ไขส่วนเล็กๆ น้อยๆ ตอนนี้คุณสามารถทำทุกอย่างได้ในไม่กี่นาที ทำให้มีเวลาไปโฟกัสกับเนื้อหาหรือธุรกิจของคุณมากขึ้น
- ยืดหยุ่นไร้ขีดจำกัด
- ไม่ว่าคุณอยากได้ดีไซน์แบบไหน Page Builder ก็พร้อมตอบโจทย์ คุณสามารถปรับแต่งทุกองค์ประกอบได้อย่างละเอียด สร้างสรรค์ Layout ที่ไม่ซ้ำใคร
- เห็นผลลัพธ์ทันที
- การแก้ไขแบบเรียลไทม์ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าสิ่งที่เห็นบนหน้าจอคือสิ่งที่จะปรากฏบนเว็บไซต์จริง ลดความผิดพลาดและประหยัดเวลาในการแก้ปัญหา
- รองรับทุกหน้าจอ (Responsive Design)
- Page Builder ส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาให้เว็บไซต์ของคุณดูดีบนทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน คุณยังสามารถปรับแต่งการแสดงผลแยกแต่ละอุปกรณ์ได้ด้วย
- ลดค่าใช้จ่าย
- หากคุณไม่ต้องการจ้างนักพัฒนาเว็บไซต์มืออาชีพ Page Builder คือทางออกที่คุ้มค่าที่สุดในการสร้างเว็บไซต์คุณภาพสูงด้วยตัวคุณเอง
เกณฑ์ที่เราใช้ในการประเมินปลั๊กอิน Page Builder
เพื่อให้บทความรีวิวนี้มีสาระและเป็นกลางที่สุด เราได้พิจารณาและประเมิน Page Builder แต่ละตัวตามเกณฑ์สำคัญเหล่านี้:
- ประสบการณ์ผู้ใช้ (User Experience – UX):
- ความง่ายในการเรียนรู้ (Learning Curve): ผู้เริ่มต้นจะใช้เวลาเท่าไรในการทำความเข้าใจและเริ่มต้นใช้งาน?
- อินเทอร์เฟซ (Interface): หน้าตาการใช้งานมีความเป็นมิตร, ใช้งานง่าย, และจัดระเบียบดีหรือไม่?
- การลากและวาง (Drag & Drop): ระบบการลากและวางมีความลื่นไหลและตอบสนองได้ดีแค่ไหน?
- คุณสมบัติและเครื่องมือ (Features & Toolset):
- จำนวนและคุณภาพของ Widgets/Elements: มีองค์ประกอบให้เลือกใช้มากน้อยแค่ไหน และแต่ละตัวมีตัวเลือกการปรับแต่งที่ยืดหยุ่นหรือไม่?
- Templates & Blocks: มีแม่แบบหรือบล็อกสำเร็จรูปที่สวยงามและหลากหลายให้เลือกใช้หรือไม่?
- ฟังก์ชันขั้นสูง: มีคุณสมบัติเพิ่มเติมที่จำเป็นสำหรับมืออาชีพหรือไม่ เช่น Theme Builder, Popup Builder, Form Builder, WooCommerce Integration, Global Styling, A/B Testing
- ความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง (Customization): สามารถปรับแต่งรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้มากแค่ไหน เช่น ระยะห่าง, ขอบ, แอนิเมชัน, หรือ CSS แบบกำหนดเอง
- ประสิทธิภาพและความเร็ว (Performance & Speed):
- ผลกระทบต่อความเร็วเว็บไซต์: ปลั๊กอินสร้างโค้ดที่สะอาดและเบาหรือไม่? มีผลต่อคะแนน Core Web Vitals อย่างไร?
- ขนาดไฟล์: ไฟล์ของปลั๊กอินและโค้ดที่สร้างขึ้นมีขนาดใหญ่เกินไปหรือไม่?
- ราคาและความคุ้มค่า (Pricing & Value for Money):
- เวอร์ชันฟรี: มีเวอร์ชันฟรีให้ทดลองใช้ฟังก์ชันพื้นฐานก่อนตัดสินใจซื้อหรือไม่?
- ราคาเวอร์ชัน Pro: ค่าใช้จ่ายต่อปีหรือแบบตลอดชีพคุ้มค่ากับฟังก์ชันที่ปลดล็อกมาหรือไม่?
- รูปแบบการอนุญาต (Licensing): สามารถใช้ได้กับกี่เว็บไซต์?
- การสนับสนุนและชุมชน (Support & Community):
- เอกสารประกอบและการสอน: มีคู่มือ, วิดีโอสอน, หรือบทความช่วยเหลือที่เข้าใจง่ายหรือไม่?
- การสนับสนุนจากผู้พัฒนา: การบริการลูกค้าตอบกลับรวดเร็วและมีประสิทธิภาพหรือไม่?
- ขนาดของชุมชน: มีกลุ่มผู้ใช้งาน, ฟอรัม, หรือแหล่งข้อมูลภายนอกให้ขอความช่วยเหลือได้ง่ายแค่ไหน?
- ความเข้ากันได้ (Compatibility):
- เข้ากันได้กับธีม: ทำงานร่วมกับธีม WordPress ส่วนใหญ่ได้ดีหรือไม่?
- เข้ากันได้กับปลั๊กอินอื่นๆ: มีความขัดแย้งกับปลั๊กอินสำคัญอื่นๆ (เช่น SEO, Cache, Forms) น้อยที่สุดหรือไม่?
- คะแนนรีวิวและความน่าเชื่อถือ (Review Scores & Credibility):
- คะแนนจากผู้ใช้งาน: พิจารณาคะแนนรีวิวเฉลี่ยจากผู้ใช้งานจริงบน WordPress.org หรือแพลตฟอร์มรีวิวอื่นๆ
- บทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ: อ้างอิงบทวิเคราะห์และรีวิวจากเว็บไซต์หรือบล็อกของผู้เชี่ยวชาญในวงการ WordPress
- กระแสตอบรับจากชุมชน: สังเกตความคิดเห็นและประสบการณ์โดยรวมจากกลุ่มผู้ใช้งานในฟอรัมหรือโซเชียลมีเดีย เพื่อสะท้อนความพึงพอใจและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจริง
ปัจจัยสำคัญในการเลือกให้ถูกใจ ใช้ให้คุ้มค่า!
การเลือกปลั๊กอิน Page Builder ที่ใช่ เหมือนการเลือกคู่ชีวิตในการสร้างเว็บไซต์ของคุณ ควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้อย่างรอบคอบ
- ความง่ายในการใช้งาน (Ease of Use): อินเทอร์เฟซเป็นมิตรกับผู้ใช้หรือไม่? มี Learning Curve สูงแค่ไหน?
- คุณสมบัติและเครื่องมือ (Features & Widgets): มี Widget หรือ Element ที่จำเป็นต่อการสร้างเว็บไซต์ของคุณครบถ้วนหรือไม่? มีฟังก์ชันเสริมอื่นๆ เช่น Theme Builder, Popup Builder หรือไม่?
- ประสิทธิภาพ (Performance): Page Builder ส่งผลต่อความเร็วในการโหลดเว็บไซต์หรือไม่? โค้ดที่สร้างขึ้นสะอาดและเบาหรือไม่?
- ราคา (Pricing): มีเวอร์ชันฟรีให้ทดลองใช้หรือไม่? เวอร์ชัน Pro มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ และคุ้มค่ากับฟังก์ชันที่ได้รับหรือไม่?
- การสนับสนุนและชุมชน (Support & Community): มีแหล่งข้อมูล, คู่มือ, หรือชุมชนผู้ใช้งานที่พร้อมให้ความช่วยเหลือหรือไม่?
- ความเข้ากันได้ (Compatibility): ทำงานร่วมกับธีมและปลั๊กอินอื่นๆ ที่คุณใช้งานได้ดีหรือไม่?

เจาะลึก! วิเคราะห์และรีวิวปลั๊กอิน Page Builder ยอดนิยมประจำปี
1. Elementor
เว็บไซต์: https://elementor.com/ คะแนนรีวิวเฉลี่ย (WordPress.org): 4.7/5 ดาว (จากผู้รีวิวมากกว่า 6,000 คน)
- จุดเด่น:
- ปลั๊กอิน Page Builderยอดนิยมอันดับ 1: ด้วยฐานผู้ใช้งานที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้มีแหล่งข้อมูล, บทเรียน, และ Add-on เสริมจากนักพัฒนาภายนอกมากมายแทบจะไร้ขีดจำกัด
- ใช้งานง่ายสุดๆ: อินเทอร์เฟซแบบลากและวางที่ออกแบบมาให้เป็นมิตรกับผู้ใช้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือโปร
- Live Editing ที่สมบูรณ์แบบ: เห็นการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ทันทีที่คุณปรับแต่ง
- ฟังก์ชันครบครัน: มี Widgets พื้นฐานและขั้นสูงให้เลือกใช้มากมาย (ในเวอร์ชัน Pro) รวมถึง Theme Builder สำหรับสร้าง Header/Footer, Popup Builder, Form Builder และ WooCommerce Builder ที่ช่วยให้สร้างร้านค้าออนไลน์ได้ง่ายขึ้น
- ยืดหยุ่นสูง: สามารถปรับแต่งได้ละเอียดในทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่ระยะห่าง สีสัน แอนิเมชัน ไปจนถึงการจัด Layout ที่ซับซ้อน
- จุดด้อย:
- อาจทำให้เว็บไซต์หนัก: หากใช้ Widgets หรือ Add-ons มากเกินไป หรือใช้ไม่ถูกวิธี อาจส่งผลต่อความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ได้ (แต่ก็มีวิธีจัดการให้เร็วขึ้นได้)
- เวอร์ชันฟรีมีข้อจำกัด: ฟังก์ชันสำคัญหลายอย่างที่ช่วยให้สร้างเว็บไซต์แบบมืออาชีพต้องใช้เวอร์ชัน Pro
- เหมาะสำหรับ: ผู้เริ่มต้นที่อยากสร้างเว็บไซต์สวยๆ ด้วยตัวเอง, นักออกแบบที่ต้องการอิสระในการสร้างสรรค์, นักการตลาดที่ต้องการ Landing Page ที่รวดเร็ว, และนักพัฒนาที่ต้องการเครื่องมือที่ทรงพลังและยืดหยุ่นสูง
2. Divi (Divi Builder by Elegant Themes)
เว็บไซต์: https://www.elegantthemes.com/divi/ คะแนนรีวิวเฉลี่ย (Elegant Themes): 4.9/5 ดาว (จากผู้รีวิวจำนวนมาก)
- จุดเด่น:
- Theme + Builder ในตัว: Divi ไม่ได้เป็นแค่ Page Builder แต่มาพร้อมกับ Divi Theme ซึ่งเป็นธีมที่ปรับแต่งได้สูงและครอบคลุมทุกความต้องการ
- Visual Editor ที่สวยงามและลื่นไหล: มอบประสบการณ์การออกแบบที่น่าประทับใจและใช้งานง่าย
- Layout Pack จำนวนมหาศาล: มี Layout สำเร็จรูปให้เลือกใช้มากกว่า 200 แบบ สำหรับหลากหลายประเภทธุรกิจ ช่วยให้เริ่มต้นได้เร็วขึ้นมาก
- ฟังก์ชัน A/B Testing ในตัว: จุดเด่นที่โดดเด่น ช่วยให้คุณสามารถทดสอบประสิทธิภาพของส่วนต่างๆ บนหน้าเว็บ เพื่อหาว่าแบบไหนทำงานได้ดีที่สุด
- Global Elements: สร้าง Element ที่ใช้ซ้ำได้หลายหน้า และเมื่อแก้ไขที่เดียว ทุกที่ที่ใช้งานก็จะอัปเดตตามอัตโนมัติ
- จุดด้อย:
- ราคา: ไม่มีเวอร์ชันฟรี ต้องซื้อแบบ Lifetime Access หรือ Yearly Access ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดสำหรับบางคน
- Vendor Lock-in: หากคุณตัดสินใจเลิกใช้ Divi ในอนาคต การย้ายเว็บไซต์อาจมีความยุ่งยาก เนื่องจากโค้ดที่สร้างขึ้นเป็นแบบ Shortcode เฉพาะของ Divi
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการโซลูชันที่ครบวงจร (ทั้งธีมและ Page Builder), นักออกแบบที่เน้นความสวยงามและฟังก์ชันสำเร็จรูป, และนักการตลาดที่ต้องการ A/B Testing เพื่อเพิ่ม Conversion
3. Beaver Builder
เว็บไซต์: https://www.wpbeaverbuilder.com/ คะแนนรีวิวเฉลี่ย (WordPress.org): 4.8/5 ดาว (จากผู้รีวิวมากกว่า 300 คน)
- จุดเด่น:
- ความเสถียรและประสิทธิภาพ: เป็นที่รู้จักในเรื่องของโค้ดที่สะอาด เบา และมีผลต่อความเร็วในการโหลดเว็บไซต์น้อยมาก ทำให้เว็บไซต์ของคุณทำงานได้อย่างราบรื่น
- ใช้งานง่ายและเป็นมิตรกับนักพัฒนา: มีอินเทอร์เฟซที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง และโครงสร้างโค้ดที่เข้าใจง่ายสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการปรับแต่งเพิ่มเติม
- Beaver Themer: ส่วนเสริมที่ช่วยให้คุณสามารถสร้าง Header, Footer, และส่วนอื่นๆ ของธีมได้อย่างอิสระ ทำให้ควบคุมการออกแบบได้ครอบคลุม
- ความเข้ากันได้สูง: ทำงานร่วมกับธีม WordPress และปลั๊กอินอื่นๆ ได้ดีเยี่ยม ทำให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องความขัดแย้ง
- จุดด้อย:
- ฟังก์ชันอาจไม่หวือหวาเท่า Elementor หรือ Divi: จำนวน Widgets และ Templates อาจน้อยกว่าคู่แข่งบางราย แต่เน้นคุณภาพและความเสถียร
- ราคา: ไม่มีเวอร์ชันฟรี แต่มีเวอร์ชัน Lite ที่จำกัดฟังก์ชันให้ทดลองใช้
- เหมาะสำหรับ: นักพัฒนา, เอเจนซี่ที่สร้างเว็บไซต์ให้ลูกค้า, และผู้ใช้งานที่ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือ ประสิทธิภาพ และโค้ดที่สะอาดเป็นหลัก
4. Oxygen Builder
เว็บไซต์: https://oxygenbuilder.com/ คะแนนรีวิวเฉลี่ย (WordPress.org): 4.9/5 ดาว (จากผู้รีวิวมากกว่า 100 คน)
- จุดเด่น:
- Visual Site Builder ที่แท้จริง: Oxygen ไม่ใช่แค่ Page Builder แต่เป็นเครื่องมือที่ให้คุณ สร้างเว็บไซต์จากศูนย์โดยไม่พึ่งพาธีม (Theme-less) ทำให้คุณควบคุมโค้ดและโครงสร้างของเว็บไซต์ได้สมบูรณ์แบบที่สุด
- ประสิทธิภาพสูง: สร้างโค้ดที่เบาและรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ ทำให้เว็บไซต์โหลดเร็วติดจรวด ซึ่งเป็นผลดีต่อ SEO อย่างมาก
- ควบคุมได้ละเอียดทุกเม็ด: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับแต่งทุกรายละเอียดของเว็บไซต์ ตั้งแต่ระดับ CSS ไปจนถึงโครงสร้าง HTML
- ราคาแบบ Lifetime: ซื้อครั้งเดียวใช้งานได้ตลอดชีพ คุ้มค่าในระยะยาว
- จุดด้อย:
- Learning Curve สูงลิ่ว: ไม่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นโดยเด็ดขาด เพราะต้องมีความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับโครงสร้างเว็บไซต์, CSS และ HTML ในระดับหนึ่งถึงจะใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- ไม่มีเวอร์ชันฟรี:
- เหมาะสำหรับ: นักพัฒนาเว็บไซต์มืออาชีพ, ผู้ใช้งานขั้นสูง, และผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ที่ปรับแต่งได้สูงสุด มีประสิทธิภาพความเร็วสูง และต้องการควบคุมโค้ดได้อย่างสมบูรณ์
5. Gutenberg (WordPress Block Editor) + ปลั๊กอินเสริม Blocks
เว็บไซต์ (ข้อมูล Gutenberg): https://wordpress.org/gutenberg/ คะแนนรีวิวเฉลี่ย (สำหรับ Gutenberg เอง): 4.6/5 ดาว (จากผู้รีวิวมากกว่า 1,000 คน)
- จุดเด่น:
- Native ของ WordPress: Gutenberg เป็น Editor มาตรฐานที่มาพร้อมกับ WordPress ตั้งแต่เวอร์ชัน 5.0 คุณไม่ต้องติดตั้งปลั๊กอินเพิ่มเติมสำหรับ Editor หลัก
- พัฒนาอย่างต่อเนื่อง: WordPress ลงทุนและผลักดันการพัฒนา Gutenberg อย่างมหาศาล ทำให้มีฟังก์ชันใหม่ๆ และประสิทธิภาพที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
- ปลั๊กอินเสริม Blocks มากมาย: มีปลั๊กอินเสริม “Gutenberg Blocks” จาก Third-party (เช่น Kadence Blocks, GenerateBlocks, Spectra) ที่เพิ่มบล็อกและฟังก์ชันการออกแบบที่ทรงพลัง ทำให้ Gutenberg มีความสามารถทัดเทียม Page Builder อื่นๆ
- เบาและเร็ว: โดยพื้นฐานแล้ว Gutenberg มีน้ำหนักเบากว่า Page Builder เฉพาะทางหลายตัว เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของ WordPress Core
- จุดด้อย:
- ฟังก์ชันพื้นฐานอาจจำกัด: หากไม่มีปลั๊กอินเสริม อาจไม่สามารถสร้างดีไซน์ที่ซับซ้อนได้เท่า Page Builder เฉพาะทาง
- ประสบการณ์การออกแบบยังไม่สมบูรณ์แบบ 100%: อาจยังไม่ลื่นไหลและมีอิสระในการจัดวางเท่า Page Builder ที่ออกแบบมาเพื่อการลากและวางโดยเฉพาะ
- เหมาะสำหรับ: ผู้เริ่มต้นที่อยากเริ่มต้นกับเครื่องมือพื้นฐานของ WordPress, ผู้ที่ต้องการโซลูชันแบบ Native ที่ไม่ต้องพึ่งพาปลั๊กอินมากนัก, และผู้ที่ต้องการความเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ
6. Brizy
เว็บไซต์: https://www.brizy.io/ คะแนนรีวิวเฉลี่ย (WordPress.org): 4.7/5 ดาว (จากผู้รีวิวมากกว่า 200 คน)
- จุดเด่น:
- อินเทอร์เฟซที่ทันสมัยและใช้งานง่าย: Brizy โดดเด่นด้วยการออกแบบที่สวยงามและประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหล เน้นความรวดเร็วในการสร้างหน้า
- Global Styling: สามารถกำหนดสไตล์ทั่วทั้งเว็บไซต์ได้ง่าย ทำให้การออกแบบเป็นไปอย่างสอดคล้องกัน
- Brizy Cloud: มีแพลตฟอร์ม Cloud ของตัวเอง ทำให้คุณสามารถสร้างและโฮสต์เว็บไซต์ได้โดยตรงจาก Brizy
- มี Template และ Block ให้เลือกใช้สวยงาม: ช่วยให้คุณเริ่มต้นโปรเจกต์ได้อย่างรวดเร็ว
- จุดด้อย:
- ฟังก์ชันอาจไม่ลึกซึ้งเท่า Elementor หรือ Divi: อาจมีข้อจำกัดในการปรับแต่งบางอย่างที่ซับซ้อนกว่า
- Community อาจไม่ใหญ่เท่า: เมื่อเทียบกับ Elementor ทำให้การหาข้อมูลหรือความช่วยเหลืออาจไม่หลากหลายเท่า
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการความเร็วในการออกแบบ, ผู้ที่เน้นการใช้งานบน Cloud, และผู้ที่ต้องการอินเทอร์เฟซที่ทันสมัยและใช้งานง่าย
7. WPBakery Page Builder
เว็บไซต์: https://wpbakery.com/ คะแนนรีวิวเฉลี่ย (CodeCanyon): 4.6/5 ดาว (จากผู้รีวิวมากกว่า 8,000 คน)
- จุดเด่น:
- เคยเป็นที่นิยมมาก: WPBakery เคยเป็น Page Builder ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงและมักจะถูกรวมมากับธีม WordPress พรีเมียมหลายๆ ธีม
- มี Element ให้เลือกหลากหลาย: มีองค์ประกอบสำเร็จรูปให้เลือกใช้มากมายสำหรับการสร้างหน้าเว็บ
- รองรับ Back-end และ Front-end Editor: สามารถเลือกได้ว่าจะออกแบบจากหน้าบ้าน (สิ่งที่ผู้ใช้เห็น) หรือจากหลังบ้าน (ในส่วน Admin)
- จุดด้อย:
- อาจทำให้เว็บไซต์หนัก: มีชื่อเสียงในเรื่องของโค้ดที่ค่อนข้างหนักและอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและความเร็วในการโหลดเว็บไซต์
- อินเทอร์เฟซอาจดูเก่ากว่า: เมื่อเทียบกับ Page Builder รุ่นใหม่ๆ ที่มีการออกแบบที่ทันสมัยกว่า
- การพัฒนาอาจไม่รวดเร็วเท่า: การอัปเดตฟังก์ชันใหม่ๆ อาจไม่บ่อยเท่าคู่แข่งรายอื่นๆ
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ซื้อธีม WordPress พรีเมียมที่มาพร้อมกับ WPBakery และต้องการใช้เครื่องมือที่คุ้นเคย หรือผู้ที่ต้องการ Page Builder ที่มี Element ให้เลือกเยอะ
สรุปและข้อแนะนำ เลือก Page Builder ให้ตอบโจทย์คุณ!
การเลือก Page Builder ที่ดีที่สุดนั้นไม่มีคำตอบตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับความต้องการ, ระดับทักษะ, และงบประมาณของคุณเป็นหลัก:
- ถ้าคุณเป็นมือใหม่และอยากได้เครื่องมือที่ยืดหยุ่นที่สุด: Elementor คือตัวเลือกอันดับหนึ่งที่คุณไม่ควรพลาด
- ถ้าคุณต้องการโซลูชันครบวงจร ทั้งธีมและ Builder พร้อมฟังก์ชันการตลาด: Divi คือคำตอบที่น่าสนใจ
- ถ้าคุณเป็นนักพัฒนาหรือเอเจนซี่ที่เน้นความเสถียรและประสิทธิภาพของโค้ด: Beaver Builder คือตัวเลือกที่ไว้ใจได้
- ถ้าคุณเป็นผู้ใช้งานขั้นสูงที่ต้องการควบคุมทุกอย่างและเน้นประสิทธิภาพสูงสุด: Oxygen Builder จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง
- ถ้าคุณอยากใช้เครื่องมือ Native ของ WordPress และความเรียบง่าย: Gutenberg พร้อมปลั๊กอินเสริม Blocks กำลังพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด
- ถ้าคุณต้องการอินเทอร์เฟซที่ทันสมัยและรวดเร็วสำหรับการสร้างหน้า: Brizy คือตัวเลือกที่น่าลอง
สิ่งสำคัญที่สุดคือการ “ลองใช้” ครับ! Page Builder ส่วนใหญ่มีเวอร์ชันฟรีให้ทดลองใช้ หรือมีระยะเวลาทดลองใช้งาน ลองติดตั้งและเล่นกับมันดู เพื่อดูว่าอินเทอร์เฟซและวิธีการทำงานของมันเข้ากับสไตล์การสร้างเว็บไซต์ของคุณหรือไม่ การลงทุนใน Page Builder ที่เหมาะสมจะช่วยให้การสร้างและดูแลเว็บไซต์ของคุณเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น สนุกขึ้น และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน!